UFABETWINS ย้อนเวลากลับไปในยุคสมัยที่อินเตอร์เน็ตยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย แถมคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักการสื่อสารกันในโลกออนไลน์เหมือนในปัจจุบัน
ตอนโน้นนนนนน….ผมยังเขียนข่าวและเขียนคอลัมน์ด้วยปากกาลูกลื่นบนกระดาษอยู่เลยนะครับ เวลาส่งงานจากนอกสถานที่เข้าโรงพิมพ์ต้องก็อาศัยเครื่องส่งโทรสาร หรือที่เรียกสั้นๆ กันว่า “แฟ็กซ์” นั่นแหละ
ไม่มีอีเมล์ ไม่มีเฟซบุ๊ค ไม่มีไลน์ ไม่มีความสะดวกสบายเหมือนตอนนี้
ส่วนใหญ่ของข้อมูลที่นำมาประกอบคอลัมน์จึงมาจากความทรงจำแทบจะล้วนๆ
หากจำไม่ได้ หรือไม่แน่ใจในความจำของตัวเอง มันก็จำเป็นต้องเปิดหาข้อมูลที่ถูกต้องเอาจากหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าๆ หรือนิตยสารฟุตบอลที่นำเข้ามาจากประเทศอังกฤษ หรือไม่ก็ต้องตัดใจไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องนั้นไปเลย เพราะมันอาจจะเป็นการนำเอาข้อมูลและข่าวสารผิดๆ มาเสนอต่อผู้อ่าน
แล้วคุณผู้อ่านก็อาจจะรู้อะไรผิดๆ แบบนั้นไปตลอด
ยกตัวอย่างเวลาจำชื่อคนทำประตูในเกมสำคัญสักเกมหนึ่งที่ต้องการจะกล่าวถึงไม่ได้ มันก็ต้องค้นหาเอาด้วยการเปิดหาข้อมูลในหนังสือไปทีละหน้า
บางทีแค่ข้อความที่ยาวไม่ถึงหนึ่งบรรทัด ผมกลับต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูลจากหน้ากระดาษในหนังสือเป็นชั่วโมง เปรียบไปก็คล้ายๆ กับการตัดไม้ทั้งป่า เพื่อมาทำเก้าอี้เพียงตัวเดียว ไม่สะดวกสบายเหมือนสมัยนี้ที่โลกเน่าๆ ของเราถูกครอบงำด้วยระบบโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค ที่ใครก็สามารถตั้งตัวเองเป็นสื่อได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องจบสื่อสารมวลชน ไม่ต้องผ่านการฝึกฝน และหากอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรก็แค่ใส่คำๆ นั้นลงไปแล้วคลิกคำว่า “ค้นหา” ได้ด้วยปลายนิ้ว
ความสะดวกสบายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในยุคสมัยที่โทรศัพท์มือถือยังมีรูปร่างเหมือนกระดูกหมานั้นมีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งคอลัมนิสต์ลูกหนังผู้มีอาการทางจิตเล็กน้อยอย่างผมเคยนำเสนอข้อมูลไปแบบผิดๆ ด้วยความเข้าใจผิดของตัวเองแล้วก็มโนไปเอง หลังจากเห็นแค่ภาพกับข้อมูลสั้นๆ เพียงไม่กี่บรรทัดแล้วนำมันมาประติดประต่อกันเป็นเรื่องราว
คิดถึงเรื่องนี้ทีไรแล้วก็เขินจนอยากเอามือเขกหัวตัวเองพลางเอียงคอบอกว่า…ว้า แย่จัง !!!
มันเป็นเรื่องของ ไรอัน กิ๊กส์ ครับ
ย้อนกลับไปในยุคเก้าศูนย์
ตอนนั้นมันมีรูปเก่าๆ ของ ไรอัน กิ๊กส์ สมัยที่ถูกห่อหุ้มด้วยเครื่องแบบทีมชาติอังกฤษอยู่ในหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารสักฉบับนี่แหละ
เขาบอกว่านักเตะดาวรุ่งผู้นี้ชื่อ ไรอัน วิลสัน
พอดีกับที่ในช่วงเวลานั้นเองเป็นช่วงที่ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่กำลังขาดแคลนผู้เล่นในตำแหน่งปีกซ้ายอย่างแรง คือนับตั้งแต่ จอห์น บาร์นส์ ประกาศอำลาทีมชาติ – “สิงโตคำราม” ก็หาผู้เล่นในตำแหน่งปีกซ้ายที่เหมาะสมไม่ได้เลย
อ่าว…เฮ๊ย…เฮ๊ย…เฮ๊ย…ไรอัน กิ๊กส์ เคยติดทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชนนี่หว่า แถมตอนนั้นยังใช้นามสกุล “วิลสัน” ซึ่งเป็นนามสกุลของคุณพ่อ
นั่นแสดงว่าเขาต้องมีบิดาเป็นชาวอังกฤษแน่นอน เมื่อบวกกับสถานการณ์ ณ ตอนนั้น ทั้ง 2 เรื่องจึงถูกจับมาโยงเข้ากันอย่างเมามัน
พลันบังเกิดเป็นจินตนาการ !!!
สื่ออย่างผมก็เลยแสดงความเห็นออกไปเป็นตุเป็นตะบนหน้ากระดาษประมาณว่า…
น่าเสียดายที่ ไรอัน กิ๊กส์ ไม่ยอมเลือกเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ ทั้งที่มีคุณพ่อเป็นชาวอังกฤษแท้ๆ
ต่อเมื่อคุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน ดช.ไรอัน เลือกที่อยู่กับแม่จึงเลยเลือกที่จะใช้นามสกุลของมารดาที่เป็นชาวเวลส์
ไรอัน วิลสัน ก็เลยกลายเป็น ไรอัน กิ๊กส์ ด้วยประการฉะนี้
จำเนียรกาลผ่านไปในยุคที่อินเตอร์เน็ตมีบทบาทกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนมากขึ้น ผมก็พบว่าความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
คุณพ่อของ ไรอัน กิ๊กส์ ไม่ใช่คนอังกฤษ และตัวเขาก็ไม่เคยเป็นคนอังกฤษด้วย
บิดาของเขาชื่อ แดนนี่ วิลสัน นอกจากจะเป็นชาวเวลส์โดยกำเนิดแล้วยังเป็นอดีตของนักรักบี้ทีมชาติเวลส์อีกต่างหาก
ไรอัน กิ๊กส์ ประกาศอิสระภาพจากครรภ์มารดาที่เมือง คาร์ดิฟฟ์ ราชธานีของประเทศเวลส์นะครับ ก่อนจะย้ายถิ่นฐานมาฝังหนอกอยู่ที่ย่าน ซัลฟอร์ด ในเมืองแมนเชสเตอร์ ตั้งแต่ตอนอายุ 6 ขวบ เนื่องจากคุณพ่อที่เป็นนักรักบี้อาชีพของเขาย้ายมาอยู่กับทีม สวินตัน ไลออนส์ ที่ตั้งอยู่ในเมืองแมนเชสเตอร์
ดช. ไรอัน ซอยยิก จึงเติบโตและร่ำเรียนอยู่แถวนั้นจนเริ่มต้นเส้นทางสายลูกหนังในฐานะเด็กฝีกหัดของ แมนฯ ซิตี้ กระทั่งคุณลุงภารโรงคนหนึ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเห็นฟอร์มการเล่นของเด็กคนนี้โดยบังเอิญแล้วนำเรื่องมาบอก อเล็กซ์
เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมปีศาจแดง
วันหนึ่ง “เฟอร์กี้” จึงลงทุนไปซุ่มดูฟอร์มการเล่นของเด็กคนนี้ด้วยตัวเองแล้วตาแทบถลนออกนอกเบ้า
ปฏิบัติการชิงตัวจึงเกิดขึ้นด้วยการติดต่อไปที่คุณแม่ของเขาโดยตรง ป๋าเล่าว่าตอนนั้นตัวเองนั่งรถเมอร์เซเดส เบ๊นซ์ สีทองอร่ามไปจอดที่หน้าบ้านของครอบครัวกิ๊กส์ ก่อนเผยภายหลังว่าเวลาอยากได้นักเตะเยาวชนสักคน วิธีที่ได้ผลมากที่สุดคือเข้าทางแม่นี่แหละ
มีเรื่องเล่าขำๆ อีกเรื่องจากปากคุณป๋า คือตอน ไรอัน กิ๊กส์ เดินทางมาทดสอบฝีเท้าที่ แคร์ริงตัน เป็นครั้งแรก
วิฟ แอนเดอร์สัน แบ็คขวาตัวจริงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนั้นเห็นรูปร่างผอมแห้งและก๋องแก๋งเป็นไม่เสียบผีของเจ้าหนูสิงห์นักเตะผู้นี้แล้วก็ออกปากข่มขวัญตามสไตล์รุ่นใหญ่ไก่กลัว
“เฮ๊ย…ไอ้หนู มึงออกไปแดกข้าวก่อนดีไหม”
เวลาผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง วิฟ แอนเดอร์สัน ลากขามาหา อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ข้างสนามแล้วครวญครางว่า “เจ้านายครับ เจ้านายช่วยเปลี่ยนเด็กนรกคนนี้ออกไปหน่อยได้ไหม…ผมไม่ไหวแล้ว”
สรุปว่า ไรอัน กิ๊กส์ ไม่ใช่คนอังกฤษนะครับ แถมทั้งบิดา & มารดา ก็เป็นชาวเผ่ามังกรแดงแท้ๆ
อ้าว…แล้วติดทีมชาติเยาวชนอังกฤษได้อย่างไรล่ะ ???
เรื่องนี้ขอชี้แจงว่าทีมที่ ไรอัน กิ๊กส์ เล่นให้ในภาพนั้น ไม่ใช่เยาวชนทีมชาติอังกฤษนะครับ
แต่คือ “ทีมนักเรียนอังกฤษ” ภาษาอังกฤษพากย์ว่า England School Boys
หมายความว่าถ้าคุณเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในประเทศอังกฤษ ถ้าฝีเท้าคุณถึง คุณก็สามารถถูกเรียกตัวไปติดทีมนักเรียนอังกฤษได้
ตอนนั้น ไรอัน วิลสัน เรียนอยู่ที่ รร. มอร์ไซด์ ไฮ สคูล ในย่านซัลฟอร์ด (แถวๆ โอลด์ แทรฟฟอร์ด นั่นแหละ) ในเมื่อฝีเท้าดีก็ถูกเรียกติดทีมนักเรียนอังกฤษได้ แม้จะเป็นชาวเวลส์ก็ตาม
บันทึกว่า ไรอัน วิลสัน บนวัย 15 ขวบเป็นกัปตันทีมนักเรียนอังกฤษชุดนั้นในปี 1988 โดยลงเล่นไปทั้งหมด 9 นัด ชนะ 7 แพ้ 2 แถมหนึ่งในชัยชนะมีเหนือทีมนักเรียนเวลส์ซะด้วย ก่อนจะถูกเรียกไปติดทีมชาติเวลส์ ชุดอายุต่ำกว่า 18 ขวบในปีต่อมา
นั่นหมายความว่าทั้งโดยเชื้อชาติ และสัญชาติ ไรอัน กิ๊กส์ ไม่มีสิทธิ์ติดทีมชาติอังกฤษ แถมเลือกที่จะเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ของ เวลส์ มาตั้งแต่ปี 1991 กระทั่งปัจจุบันที่เป็นผู้จัดการทีมชาติเวลส์
เรื่อง ไรอัน กิ๊กส์ เคยเป็นคนอังกฤษ แม้แต่ฝรั่งอั้งม้อบนเกาะมหาสมบัติเองยังเข้าใจกันผิดๆ อยู่เลยนะครับ ขณะที่คอลัมนิสต์ลูกหนังผู้มีอาการทางจิตเล็กน้อยอย่างผมเคยถูกลากไปกระทืบในเว็บไซด์แหล่งรวมศูนย์กลางจักรวาลเว็บหนึ่งว่านำเสนอข้อมูลผิดๆ ซึ่งก็ยอมรับครับ เพียงแต่อยากบอกว่า…ตอนโน้นนนนน
กูไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ค้นหาเหมือนมึงที่ออกมาแย้งภายหลังนี่หว่า
อีกเรื่องคือขอความกรุณาอย่าเมนต์เรื่อง…เอาเมียน้องชายอะไรนั่นเลยนะครับ เพราะมันคนละประเด็นกัน หากอยากเมนต์อะไรโง่ๆ แบบนี้ กรุณาไปเมนต์ที่อื่นนะครับ ขอบคุณมากครับ
คลิกเลย >>> ข่าวบอล
คลิกเลย >>> https://www.dhruva-automation.com/