วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี 1970 คิม บุ้ค ได้ลงเล่นเกมสำคัญซึ่งเป็นนัดที่จะถูกจดจำไปตลอดทั้งชีวิตการค้าแข้ง
ผู้รักษาประตูรายนี้ พา นอร์ทแฮมป์ตัน ทาวน์ ต้นสังกัดทะลุเข้าถึงรอบ 5 ศึกเอฟเอ คัพ เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์สโมสร และเกมนี้พวกเขาก็จะเปิดบ้านรับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอาจริง ๆ นี่ถือเป็นเกมการแข่งขันที่น่าจดจำยิ่งสำหรับ บุ้ค เพียงแต่เป็นเหตุผลในด้านที่ไม่ดีเท่าไหร่
“ความผิดพลาดคือแมวมองไปส่องเกม ยูไนเต็ด ที่ จอร์จ เบสต์ ติดโทษแบน ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้เห็นฟอร์มของเขา” บุ้ค กล่าวกับ เดลี่ เทเลกราฟ
“จริง ๆ แล้วเราได้วางแผนที่จะตัด ชาร์ลตัน ออกจากเกมตั้งแต่ต้น และในช่วงพักครึ่ง ผมคิดว่าเราก็ยังจะมีลุ้นอยู่ แต่แล้ว จอร์จ ก็สวมสตั๊ดลงมา”
แล้ว เบสต์ ลงมาช่วยทีมได้จริง ๆ 1 ฤดูกาลครึ่งหลังได้แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ที่สนามเวมบลีย์ และคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ มานอนกอด เบสต์ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมกับการเล่นที่ เคาน์ตี้ กราวน์ด ทั้งที่จริง ๆ สภาพสนามมันแย่เอามาก ๆ ถึงขนาดว่าวัวซึ่งเป็นสัตว์กลางทุ่งนายังลังเลว่าจะยอมเอาตัวเองลงมาอยู่ในสนามแห่งนี้รึเปล่า
สุดท้าย เบสต์ ก็ทำได้ 6 ประตู และตอกกลับพวกนักวิจารณ์ที่ออกมาพูดก่อนหน้านี้ได้อยู่หมัด
แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครที่ตั้งข้อกังขาในเรื่องฝีเท้าของ เบสต์ ที่ตอนนั้นอายุ 23 ปี แต่หลายคนค่อนขอดว่าเขาเก่งจริงหรือไม่ แม้แต่ในซีซั่นก่อนหน้าที่เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดในลีกของสโมสร ที่ ยูไนเต็ด ในปีสุดท้ายของ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ ที่จบอันดับ 11 ของตาราง
ตอนแรก แข้งชาวไอร์แลนด์เหนือกำลังมีลุ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมอีกครั้ง แต่ช่วงหนึ่งเดือนก่อนหน้าเกมที่จะเจอกับ นอร์ทแฮมป์ตัน เบสต์ ไม่ได้ลงเล่นให้กับ ยูไนเต็ด เลย เพราะเขาโดน เอฟเอ แบน จากการที่เตะบอลตอนที่ผู้ตัดสินถือลูกฟุตบอลอยู่ ในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แมตช์ ที่ทีมของเขาออกไปแพ้ ที่ เมน โร้ด
ซึ่ง 5 เกมที่ เบสต์ ไม่ได้ลงเล่นนั้น ทีมของ วิล์ฟ แม็กกินเนสส์ ทำผลงานชนะ 3 และเสมอ 2 นัด
“ตอนที่ผมติดโทษแบน ผมได้รับจดหมายจากคนไม่หวังดีบอกว่าทีมมีผลงานดีขึ้นตอนที่ไม่มีผม” เบสต์ กล่าวหลังจบเกมนั้นที่ตัวเองซัลโวไป 6 ประตู
“ผมรู้สึกแบบชัด ๆ เลยว่าหากเราแพ้ต่อ นอร์ทแฮมป์ตัน ก็จะมีคนมาบอกว่ามันเป็นความผิดของผม”
“หลายคนคิดว่าวันนั้นผมไม่พยายามมากเท่าไหร่เพราะผมมีนิสัยชอบทำอะไรที่มันเลยเถิดไปนิด ๆ และอารมณ์ร้อนง่าย ๆ หลายหน แต่วันนั้นผมก็วิ่งมากพอ ๆ กับคนอื่นนั่นแหละ ในช่วงระหว่างสัปดาห์ก่อนถึงวันแข่งขันน่ะ ผมซ้อมหนักกว่าที่เคยทำมาตลอดด้วยซ้ำ และที่จริงตอนที่ผมลงไปเล่นเมื่อวานนี้ผมก็รู้สึกดีมาก ๆ ”
ความรู้สึกอัดอั้นของ เบสต์ ถูกปลดปล่อยออกมาด้วยประตูที่มาจากเท้าขวาข้างถนัด 3 ลูก, จากศีรษะ 2 ลูก และเท้าซ้ายอีก 1 ลูก
สมัยนั้นการทำดับเบิ้ลแฮตทริก (6 ประตู) ในเกมเดียวยังไม่ค่อยฮือฮาเท่าไหร่หากเทียบกับสมัยนี้ โดยช่วงหนึ่งปีก่อนหน้าที่เขาจะยิง 6 ประตูได้นั้น เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ก็เคยทำได้ในเกมพา เวสต์แฮม ถล่ม ซันเดอร์แลนด์ 8-0
อย่างไรก็ตาม ผลงานของ เฮิร์สท์ ก็ถือเป็นครั้งสุดท้ายที่มีผู้เล่นทำประตูในเกมลีกสูงสุดได้มากกว่า 5 ลูกในเกมเดียว โดยจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครทำลานสถิติที่ว่านี้ได้ ทว่าเวลาต่อมา เฮิร์สท์ ก็ยอมรับว่าตอนที่ตัวเองทำได้ 6 ประตู ที่จริงแล้วเขาก็ใช้มือช่วยทำประตูด้วย
เบสต์ เบิกสกอร์แรกได้ในนาทีที่ 20 จากลูกโหม่งที่เสาไกล และอีกราวหนึ่งนาทีให้หลังเขาก็แตะบอลผ่าน บุ๊ค ผู้รักษาประตูทีมคู่แข่งตอนอยู่นอกกรอบเขตโทษ ก่อนจะส่งบอลไปกองก้นตาข่าย
พอเริ่มครึ่งหลังเพียง 2 นาที เบสต์ ก็ทำแฮตทริกได้ด้วยการเข้าไปซ้ำลูกยิงของตัวเองที่โดน 1 ใน 3 แนวรับของ นอร์ทแฮมป์ตัน สกัดจากบนเส้นประตู
ทว่าถัดจากนั้น เดอะ คล็อบเบอร์ส มาได้ลูกจุดโทษแต่ อเล็กซ์ สเต็ปนี่ย์ นายด่านยูไนเต็ด เซฟเอาไว้ได้ ก่อนที่ต่อมา เบสต์ พุ่งโหม่งทำประตูที่ 4 จากจังหวะที่ ไบรอัน คิดด์ เปิดบอลมาให้แม่นยำราวกับ เดวิด เบ็คแฮม เป็นคนป้อนมาให้
คิดด์ มาทำประตูที่ 5 ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด และ เบสต์ ก็มาทำลูกที่ 5 ของตัวเองด้วยการวิ่งควบไปรับลูกจ่ายของ ฟรานซิส เบิร์นส์ ก่อนจะยิงเข้าไป ถัดมา คิดด์ ก็เบิ้ลประตู ก่อนที่ ดิ๊กซี่ แม็คนีล จะยิงคืนให้เจ้าบ้านบ้าง
สุดท้าย เบสต์ เป็นคนที่ปิดฉากมหกรรมถล่มประตูในเกมนั้น ด้วยการเพรสซิ่งสูงจนทำให้ แพ็ดดี้ ครีแรนด์ ผ่านบอลไปให้เพื่อนร่วมทีมที่สวมหมายเลข 11 ตรงเส้น 18 หลาได้ จากนั้น เทพบุตรรูปงาม ก็จับบอลแรก หลอกกองหลังด้วยการเล่นจังหวะที่สอง พอเผชิญหน้ากับ บุ๊ค เขาก็ทำประตูได้
“ผมจำได้ดีว่าตัวเองเคยคิดว่า จอร์จ จะพุ่งไปทางหนึ่ง แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็วิ่งไปอีกทาง ซึ่งตอนนั้นผมก็ไปยืนรอเซฟในฝั่งที่ผิดเพราะโดนหลอกแล้ว เขาเก่งเกินไปสำหรับผม” บุ๊ค เผย
“ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็เป็นมุกที่มักจะถูกพูดถึงอยู่เสมอ อารมณ์ประมาณว่าผมอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน ส่วน จอร์จ เบสต์ อยู่อีกฝั่ง จากนั้นพอเขาพยักหน้าให้ผม ผมก็จะพุ่งไปหลบใต้รถบัส อะไรประมาณนั้น”
– จัดการประกบซะ!
ถ้าบอกว่าผู้รักษาประตูของทีมเจ้าถิ่นไม่เคยถูกเตือนมาก่อนกับความร้ายกาจของ เบสต์ ก็ไม่ถูกนัก ที่จริงแมวมองของ นอร์ทแฮมป์ตัน เคยเตือนก่อนเกมแล้ว นอกจากนี้ พี่ชายของ บุ๊ค คือ โทนี่ ก็เป็นกัปตันทีม แมนฯ ซิตี้ ด้วย และ โทนี่ ก็เคยเวลกับ ยูไนเต็ด ถึง 4 ครั้งในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านั้น
“โทนี่ รู้จัก เบสต์ ดีเลยล่ะ เขาโทรบอกผมว่า -หากคุณไม่มีใครที่จะประกบ เบสต์ ได้ คุณก็จะเจอปัญหาแล้วล่ะ”
งานรับมือ เบสต์ ครั้งนี้ ตกเป็นของ เรย์ แฟร์แฟ็กซ์ “ทำไม ล่ะ ทำไมต้องเกิดขึ้นกับผมด้วย”
“ครั้งเดียวที่ผมเข้าไปใกล้เขาได้ ก็ตอนที่เราเดินออกตอนจบพักครึ่งและตอนจบเกม” แฟร์แฟ็กซ์ กล่าวกับ เทเลกราฟ
“นอกเหนือจากทักษะอันสูงส่งแล้ว เบสต์ ยังเต็มไปด้วยพลังงานที่ถูกอัดอั้นมาตลอด 4 สัปดาห์ที่ไม่ได้ลงเตะฟุตบอล และเขาก็ระบายมันออกมาจนผมดูแย่ไปเลย”
เบสต์ ฆ่าเวลาในช่วงท้ายเกมด้วยการไปยืนใกล้กับอุโมงค์เพื่อจะได้ออกจากสนามให้เร็วที่สุด เนื่องจากคาดว่าหลังผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา จะมีแฟนบอลจำนวนมากวิ่งลงมาในสนาม
อย่างไรก็ตาม อัจฉริยะลูกหนังยังแวะไปที่ห้องแต่งตัวของทีมเจ้าบ้าน โดย บุ๊ค ผู้ซึ่งโดนกระทำอย่างหนักหน่วงตลอดเกมกล่าวว่า “พวกเขามานั่งกับเรา และ จอร์จ ก็บอกว่า -ไม่ต้องห่วงหรอกเพื่อน กับรูปเกมแบบนี้ นายไม่สามารถทำอะไรได้มากอยู่แล้ว!- เขาช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ”
– ผลที่ตามมา
ถึงกระนั้น ท่านประธานของ นอร์ทแฮมป์ตัน ไม่ได้ใจดีเหมือนคนของฝั่งทีมเยือน
แม็คนีล ซึ่งเป็นคนที่ทำประตูปลอบใจให้เจ้าถิ่นเล่าว่า เอริค นอร์ทโอเวอร์ เจ้านายใหญ่ของทีม เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวด้วยอารมณ์โมโหขั้นสุด เขาตวาดใส่ผู้เล่นที่เพิ่งพ่ายแพ้แบบยับเยินดังสนั่นลั่นห้อง
“ตอนแรกบรรยากาศเงียบเป็นป่าช้า เราทุกคนต่างก็หดหู่กันสุดๆ แล้วจากนั้นเขาก็เข้ามาพร้อมกับตวาดใส่เรา ซึ่งเราก็สมควรโดนด่าแบบนั้นแล้ว”
แม้ว่าวันนั้น เจ้าถิ่นขายตั๋วได้หมดเกลี้ยงเป็นจำนวน 21,677 ใบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ท่านประธานที่เป็นนักเคมีรู้สึกดีขึ้นเลย หลังจบเกมเขาออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อโดยไม่หลบหน้าเลยว่า “นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้าสิ้นดี”
“การพ่ายแพ้ 2-8 ในสนามของตัวเอง มันให้อภัยไม่ได้ เบสต์ คนเดียวยิง 6 ลูก ? ส่วนตัวแล้วฉันมองว่ามันเป็น 6 ประตูที่ง่ายที่สุดมากกว่า”
“ตอนเราพลาดลูกจุดโทษ ที่สกอร์ยัง 0-3 เราควรตระหนักแล้วว่า เราไม่ควรจะไปไล่ตามทันแล้ว และควรที่จะรักษาเกียรติของ นอร์ทแฮมป์ตัน ไว้เป็นอันดับแรก แต่เรากลับพยายามที่จะไปโชว์ว่าเก่งเหมือน ยูไนเต็ด และพยายามเปิดเกมบุกแบบไร้สาระจนทำให้พวกเขาสามารถทำประตูเพิ่มได้”
“ถึงผมเป็นแค่มือสมัครเล่น แต่นี่มันเป็นความรู้สึกที่แสนเจ็บปวด”
แม้ว่า ฟอร์มของเบสต์ พิสูจน์ได้ถึงความยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกดีอกดีใจอะไรมากกมาย เกรแฮม เฟลตัน มิดฟิลด์ของทีมเจ้าถิ่น บอกกับ เทเลกราฟ เมื่อปีก่อนว่า “ตอนที่เขาทำประตูที่ 6 เขาดูลำบากใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจะซ้ำเติมเราเลย”
ไม่ว่ามันจะเกิดจากความเขิน, ความล้า หรือแค่เบื่อ แต่ภาพที่ เบสต์ ยืนพิงเสาประตูหลังจากทำลูกที่ 6 ได้นั้นก็เป็นหนึ่งในภาพที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของวัน
อย่างไรก็ตาม สถิติในเกม เอฟเอ คัพ ของ เบสต์ ก็มีอายุไม่ถึง 2 ปีเต็ม เพราะว่า เท็ด แม็คดูกัล ของ บอร์นมัธ ทำลายสถิติได้ด้วยการทำ 9 ประตู ในเกมที่ชนะ มาร์เกต 11-0 ในช่วงเดือนพศจิกายน ปี 1971 โดยสถิติของ แม็คดูกัล ยังคงยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน และอาจไม่มีใครทำลายได้ไปตลอดกาล
ถึงกระนั้น ผลงานของ เบสต์ ก็ยังถือเป็นสถิติของสโมสรมาจนถึงทุกวันนี้ โดยที่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ แอนดี้ โคล เคยเกือบจะทาบสถิติได้ จากการทำไป 5 ประตูในเกมเดียว
แม้ว่า เบสต์ จะทำผลงานให้กับทีมได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ในซีซั่นนั้น ยูไนเต็ด จบซีซั่นเพียงอันดับ 8 ในลีกดิวิชั่น 1 และตกรอบรองชนะเลิศของฟุตบอลถ้วยทั้ง 2 รายการ จากน้ำมือของสองทีมคู่แค้นทั้ง ซิตี้ ใน ลีก คัพ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในศึกเอฟ เอคัพ
สำหรับ ยูไนเต็ด แม้ว่าวินัยที่ไม่ดีเท่าไหร่ของ เบสต์ จะน่าเป็นห่วงมากกว่าเดิม แต่เขาก็ยังสร้างชื่อได้อย่างต่อเนื่อง
ผลงานในเกมที่ นอร์ทแฮมป์ตัน ทำให้ดาวเตะชาวไอร์แลนด์เหนือได้รับคำเชิญจาก ฮาโรลด์ วิลสัน นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรในตอนนั้น ให้ไปยังบ้านพักของนายกรัฐมนตรีประจำเมืองผู้ดี โดยที่ท่านายกฯ ก็เป็นแฟนคลับของ เบสต์ ด้วย
ไม่ว่าใครที่ได้ดูลีลาลูกหนังของเทพบุตรรายนี้ลงเล่น ย่อมถูกสะกดให้ตรึงตา ฝังลึกความสวยงามในจิตใจ ต่อให้คุณเป็นคู่แข่งที่เป็นอริมากก็ตาม
ลองดูสิขนาด นอร์ทแฮมป์ตัน ที่โดน เบสต์ ปู้ยี่ปู้ยำในวันนั้นยังมองว่ามันเป็นเกียรติเลยที่พวกเขาเสียประตูให้กับ เบสต์ 6 ลูก โดย เฟลตัน ยอมรับในภายหลังว่า “วันนั้นเราเจอกับอัจฉริยะ เราโชคดีมาก ๆ ที่ได้ลงเล่นในวันนั้น”
อ่านข่าวอื่นๆ >>> https://www.ufabetwins.com/
เทคนิคดีๆที่เพิ่มกำไร คลิกเลย >>> https://www.dhruva-automation.com/